[ผู้ร่วมสนทนา]
อาจารย์ครับ ผมว่าจะถามเรื่องสังขาร 3 ครับ ที่อาจารย์เคยกล่าวว่าอะไรน้า ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร อเนญชาภิสังขารในปฏิจจสมุปบาทจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ที่ทำให้เป็นเหตุแก่สังขาร
[อาจารย์ Aero.1]
มันก็คือเจตนานั่นแหละ มันคือความเร่งทางความคิดนั่นแหละ เจตนาที่เป็นบุญ เจตนาที่ไม่เป็นบุญนะ แล้วก็เจตนาที่ไม่เป็นบุญไม่เป็นบาป มี 3 สถานะของเจตนา อันนี้มันไหลต่อเป็นเหตุและปัจจัยจากอวิชชา คือความไม่รู้ เมื่อความไม่รู้ก็เลยตัดสินการทำทางใจเป็นบุญกับไม่เป็นบุญ แล้วก็เป็นไม่ทั้งบุญและไม่ทั้งบาป ไม่ทั้งเป็นบุญและไม่ทั้งไม่เป็นบุญ พอเข้าใจมั้ย
[ผู้ร่วมสนทนา]
ครับอาจารย์ พอเข้าใจ
[อาจารย์ Aero.1]
ทีนี้ ถ้าในฐานะผู้ฝึกเนี่ย เราก็ต้องฝึกในเรื่องของการบุญอยู่ใช่มั้ย แต่เราไปกอดแค่บุญเราก็เป็นอย่างคุณยายเพียรในอดีต ถูกมั้ย ทุกวันนี้คุณยายเพียรทำอเนญชาภิสังขารได้ คุณแยกออกมั้ย คือรู้แล้วว่าชั้นไม่ติดบุญแล้ว เพราะอะไร เพราะพื้นฐานรู้แล้วว่า การทำทานที่ถูกตรงเป็นอย่างไร เนี่ย มันหญ้าปากคอก คุณเห็นมั้ย คุณรู้มั้ยว่าจิตที่จะเข้านิพพาน คุณต้องทำทานโดยสละอัตตาตัวตน ถ้าคุณทำทานไม่ถูกต้องในที่แรก คุณก็สั่งสมความเป็นบุญของคุณขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ไง
คุณยายเพียรถึงบอกว่า ไม่เอาแล้ว อยู่เป็นกัป อายุสิบหกสวยพริ้ง สวรรค์ชั้นก็ไม่เอา ไม่เอาแล้ว เพราะอะไร เพราะเห็นความเป็นจริง เพราะฉะน้ันการดำเนินมรรคของคุณยายเพียร การภาวนา ไม่ว่าจะเป็นทาน ศีล ภาวนา จะวิ่งเข้าไปสู่ความที่เรียกว่าเป็นอานิสงส์ จะวิ่งเข้าไปสู่โลกุตรกุศล ไม่ใช่แค่กามาวจรกุศล
เพราะอะไร เพราะรู้จักอเนญชาภิสังขาร ไม่ใช่แค่ปุญญาภิสังขาร ส่วนอปุญญาภิสังขารนั้นหนะ ท่านก็ฝึกมาอยู่แล้ว ทั้งกาย วาจา ใจ ไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว อันนี้เห็นภาพมั้ย
[อาจารย์ Aero.1]
ฟังรึเปล่า รู้จักคุณยายเพียรมั้ย
[ผู้ร่วมสนทนา]
เคย เคยฟังที่อาจารย์เล่าที่สุรินทร์ ครับอาจารย์
[อาจารย์ Aero.1]
น่ารักมาก
[ผู้ร่วมสนทนา]
ที่แกเล่า มีปิติกับแกตลอดเลย เป็นปลื้มกับแกมาก
[อาจารย์ Aero.1]
(เสียงหัวเราะ) น่ารักมาก เวลานั่งเนี่ย ท่านอายุเท่าไหรแล้ว จะเก้าสิบแล้วมั้ง นั่งเนี่ยตรงเป๋ง นั่งทีสี่ห้าหกชั่วโมง เมื่อก่อนนั่งได้ไม่เกินชั่วโมงนึง แค่เจ็ดวันหนะ และความนอบน้อมเห็นมั้ยเวลานั่ง นั่งนี่แทบจะราบจากพื้นเลยด้วยความนอบน้อม คือตัวตนน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของท่าน ง่ายต่อการสละอัตตานะ แล้วก็ฝึกการทำบุญมาเยอะ บุญเยอะนั่นเอง แต่เพียงพอมั้ย บุณเพียงพอมั้ย
[ผู้ร่วมสนทนา]
ที่ว่า ที่จะไปโลกุตระเหรอครับอาจารย์
[อาจารย์ Aero.1]
ใช่ พอมั้ย
[ผู้ร่วมสนทนา]
ยังครับ
[อาจารย์ Aero.1]
ไม่พอ นั่นแหละ นี่แหละคือการเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ข้อที่ว่าอวิชชาปัจจยาสังขารนะ แล้วสายดับก็คือสังขารปัจจยาอวิชชา ถอยขึ้นไป งั้นเรามาดูใหม่ซิ อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ,ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข, ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง, สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา
เห็นมั้ย เห็นวงจรมั้ย ใช่มั้ย เพราะฉะนั้นการเรียนในพระศาสนาเนี่ย เป็นอะไรที่บางทีคล้ายแต่ไม่เหมือนนะ คล้ายกันนะ เนี่ยพูดถึงผู้ปฏิบัติเกือบตรงทางแล้วซึ่งมีอยู่น้อยมากในโลกนะ เกือบตรงทางนี่ยังน้อยเลย แล้วตรงทางนี่น้อย ในน้อย ในน้อย ในน้อย ในซุปเปอร์น้อย เห็นมั้ย
เพราะฉะนั้นตอบข้อคำถามที่ว่า คนที่ปีติ แล้วคนที่สว่างนี่จะรู้ได้ยังไงว่า จะรู้ตัวได้ยังไงว่ามันติดอยู่เนี่ย จะทำยังไง ถ้าคุณเรียนเรื่องทานมาตั้งแต่ตั้นอย่างชัดเจนและคุณรู้จริงๆ เนี่ย และคุณรู้เรื่องรอบ 3 อาการ 12 รู้มรรครู้อะไรพวกนี้ คุณรู้มั้ยว่ามันจะไม่เป็นเหยื่อให้ติดปีติและสุข คุณเห็นมั้ย ว่ามันเกิดจากกลไกเบื้องต้นของการศึกษาครับ
จบนาทีที่ 1.32.47
//////////////////
นาทีที่ 1:47:03 – 1.53.23
นาทีที่ 1:47:03
[อาจารย์ Aero.1]
เดี๋ยวคนฟัง ทั้งใน youtube และทาง facebook จะงงนะว่ามาตรฐานอะไรเหรอในการปฏิบัติ ผมไม่ได้ต้องการมาตรฐานที่เลิศหรู หรือว่าอะไรนะ คำว่ามาตรฐานในที่นี้คือ โคนไม้ ป่าชัฏ ห่างจากเสียงไม่ต่ำกว่า 500 คันธนู ถามว่าคิดเองหรือเปล่า เปล่า โบราณกาลเค้าเรียนกันแบบนี้ คือไปในที่สงัดครับ สงบจากเสียงอันเป็นข้าศึกของฌาน
ถามว่าแล้วในป่าลึกไม่มีเสียงเหรอ ก็มี แต่เสียงเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นเสียงนก เสียงน้ำ ลมพัดใบไม้อะไรอย่างนี้ มันก็มี แต่นั่นเป็นเสียงที่ไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่ง แต่เสียงที่เป็นข้าศึกของฌานจะเป็นเสียงประเภทไหนครับเสียงค้าขาย เสียงการพูดของหญิงของชาย เสียงการรบรา เสียงอึกทึกของบ้านเรือนในการดำรงชีวิต อย่างนี้เป็นอุปสรรคต่อฌานครับ
เพราะฉะนั้น เราไป เราไม่ได้หนีเสียงนะ ไปเพื่อที่จะศึกษาให้เห็นว่าทำไมพระพุทธองค์ถึงชี้ที่หลีกเร้น คำว่าหลีกเร้นเนี่ย เราคงไปหลีกเร้นในพารากอนไม่ได้หรอก เราคงจะไปหลีกเร้นในกาดบางกาดที่เชียงใหม่ไม่ได้หรอก ที่หลีกเร้นมันก็คงต้องเป็นไปตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสนะครับ ป่า โคนไม้ เรือนว่าง ลอมฟาง ป่าช้า ป่ารกชัฏ ซอกหิน ถ้ำ เหล่านี้นะ ที่เรียกว่าเป็นสมรภูมิที่มีภูมิประเทศที่สอบรับกับการปฏิบัติที่เรากำลังจะทำกัน
ส่วนใครจะพัฒนาจนกระทั่งเข้าถึงสุญญตะสภาวะ แล้วมองบ้านเป็นป่าได้ อย่างนี้ก็ไม่เป็นไร ก็ฝึกได้ ทำได้ แต่ก็คิดว่าคงจะมีไม่กี่คนนะที่ทำได้ขนาดนั้น เพราะเราอย่าลืมนะ เคหะสิตะ หรือความมีจิตที่ผูกกับบ้านมันมีอยู่ทุกผู้ทุกนาม แล้วเราผูกมาตั้งแต่เราเกิด เคหะสิตะคืออะไร คือความผูกกับเรือน จิตที่ผูกกับเรือนคืออะไร เราเดินปุ๊บในบ้าน กำลังจะมานั่ง อ๋อ เราก็เห็นฝุ่นที่พื้น โอ๊ย ยังไม่ได้ถูเลย เอาแล้วนี่มาละ โอ๊ยทำไมพรหมตรงนี้มีรอย ทำไมชั้นของโต๊ะหมู่ตรงนี้ยังไม่ได้เช็ด หรือพระองค์นี้เป็นอะไร ทำไมถึงมีสภาพอย่างนี้ ชั้นยังไม่ได้ล้าง ชั้นยังไม่ได้ให้น้ำแจกัน นู่นนี่นั่นมาหมดหนะ
เพราะฉะนั้นตรงนี้จึงเป็นอุปสรรค อุปสรรคของการภาวนา มันจะนำมาซึ่งปลิโพธหรือความที่มีเครื่องขวางกั้นจิตที่จะเข้าไปสู่ความสงบหรือมีสิ่งที่จะต้องจัดการภายในบ้าน เช่น ลูก เช่นภรรยา สามี ญาติ อะไรต่าง ๆ การต้องเลี้ยงหาชีวิต มีธุรกิจมีอาหารที่จะต้องตระเตรียมอะไรอย่างนี้นะ มันก็จะเป็นอุปสรรค ทำให้จิตนั้นหนะ ออกจากอินทรียสังวร หรือศีลในระดับละเอียดนั่นเอง ซึ่งทำให้ห่างจากสติสังวรออกไป ขันติสังวรออกไป สังวรหมด หายหมดทั้งสี่ทั้งห้า แล้วศีลจะตั้งอยู่ได้ยังไง สมาธิจะตั้งอยู่ได้ยังไง
ยกเว้นยอดคนเท่านั้นที่จะทำได้ครับ ต้องมองทุกอย่างเป็นสุญญตะหมดเลย ว่างหมด บ้านถึงเป็นป่าได้ แล้วคนคนนั้นอยู่ในโลกเหมือนอะไร เหมือนผีดิบครับ คือวางหมดครับ ไม่สนเลย ต้องอย่างนั้นนะ
อันนี้ก็เล่าสู่กันฟังนะว่า สถานที่ที่เราควรจะทำ หรือว่าคอร์สที่ควรจจะทำ และตรงนี้ถือว่าเป็นนโยบายของมูลนิธิหรือว่าชมรม
ในอนาคตนะว่า รุ่นต่อไป รุ่น ต่อรุ่นๆๆ ต่อไปเนี่ยที่เราจะสืบทอดวิชานี้ไม่ควรประยุกต์ด้วยความไม่รู้นะครับ
ประยุกต์ด้วยความไม่รู้คืออะไร อีก 50 ปี ผมไปแล้ว รุ่นหลังมาทำต่อมาทำคอร์สต่อเนี่ย ฟังเสียงนี้ไว้ให้ดีนะว่าอย่าประยุกต์ว่า ไม่เป็นไร ผมทำในคฤหาสน์ก็ได้ หรือทำในคอนโดหรูหราก็ได้ ทำได้ แต่ต้องให้รู้ว่าเคหสิตะไม่มี และต้องเป็นสุญญตสภาวะ และถ้าจะให้ดี ควร ดีที่สุดนะ ขีดเส้นใหม่
highlight ใหม่ ถ้าจะให้ดีที่สุด อรัญญคโต วา รุกขมูลคโต วา สุญญาคารคโต วา คืออะไรครับ ไปที่ป่าไปที่โคนไม้ ไปที่เรือนว่าง ต้องอย่างงั้น ไม่งั้นแล้วการที่จะทำให้จิตรวมตั้งแต่เบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย มันเกิดไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นก็เน้นย้ำนะครับ
จากคลิป
LIVE??EP43 สนทนาธรรมภาคปฏิบัติ พ.ที่ 27 เม.ษ. 2565 โดยท่านอาจารย์ Aero.1
นาทีที่ 1.26.09 – 1.32.47 และ นาทีที่ 1:47:03 – 1.53.23
หมายเหตุ-
*พารากอน หมายถึง ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ