[ผู้ร่วมสนทนา]
มีอีกอันนึงที่จะถามอาจารย์หนะครับ เอ่อ พอขึ้นวัตถุที่ 7 หนะนะครับ วัตถุที่ 7 นี่ อาจารย์ก็บอกว่าให้รู้เฉพาะสัณฐานใช่มั้ยครับ
มันมีเรื่องราวต่างๆ ผุดขึ้นมาหนะนะครับ เอ่อ ไม่ต้องไปรู้เรื่องราวใช่มั้ยครับ รู้แต่สัณฐานของมัน แล้วก็เอาจิตมาอยู่ที่ปลายจมูกนะครับรู้ลมดั่งกังสดาลเข้าออกเนี่ยเป็นปกติ ก็เลยสงสัยนะครับว่า การที่อาจารย์บอกว่ารู้สัณฐานนะครับ ก็หมายถึงว่า รู้ว่ามันคือความโลภ ความโกรธ ความหลง แค่นั้น กลม ๆ แค่นั้น หรือเปล่าครับอาจารย์ หรือว่ายังไง
[อาจารย์ Aero.1]
ไม่รู้เป็นพย้ญชนะเลย คำว่ารู้สัณฐานเนี่ย คำว่าสัณฐานเนี่ยคือลักษณะของเค้ากว้าง ๆ หนะ ไม่ลงอนุพยัญชนะ อย่างสมมติเห็นคนเดินเนี่ย การไม่ลงนิมิตไม่ใส่ใจนิมิตและอนุพยัญชนะคืออะไร ก็คือการที่ไม่แยกเพศเลย ไม่ลง รายละเอียดเลยว่าหูตาเป็นอย่างไรหน้าตาเป็นยังไง หุ่นเป็นยังไง ใส่เสื้อสีอะไร อะไรอย่างนี้ไม่ลง เนี่ยอนุพยัญชนะ
เพราะฉะนั้น อันนี้คือรูปนะ ที่เราเห็นทางตาใช่มั้ย ทีนี้ถ้าเป็นทางใจ อันนี้เป็นจิตตสังสารก็เป็นเรื่องของตัวปรุงแต่งในจิต ที่ปรากฏขึ้นลอยขึ้นมาผุดขึ้นมาในขณะที่น้ำเริ่มใสนะ ตัวจิตตสังขารเนี่ยบาลีท่านใช้คำว่าสัณฐานของจิต คำว่าสัณฐานของจิตคืออะไร เพราะว่าจิตไม่มีรูปร่าง เราไม่ได้ใช้ตาดู แต่เป็นการรู้สัณฐานของเค้าด้วยรู้ว่าเค้ามีลักษณะอย่างไร เช่นบีบคั้น รู้ พอ แค่นั้นพอ ไม่ต้องไปลง detail ว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนั้น เรื่องนั้นเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวมันจะไหล ไอ้ตัวนิทานสัมภาระมันจะไหล ไหลไปว่า โอ้โห ตอนนั้นเราน่าจะทำอย่างนี้ โห คนนั้นเค้าไม่น่าอย่างนี้เลย ต่อไปถ้าเราเจออย่างนี้เราจะทำอย่างนั้น นี่ไปละ อันนี้คือการปรุงแต่งนะฮะ แล้วก็เป็นการเพิ่มในส่วนของปลุกวจีสังขารให้เกิดขึ้นมา แล้วก็ตัวสังขารขันธ์ ให้มันปะทุขึ้นมา ทางแก้ของเราคือรู้สัณฐานของเค้า รู้ลมเข้า รู้สัณฐานก็คือลักษณะของเค้าหายใจออก แค่นี้เอง โอเคมั้ย
[ผู้ร่วมสนทนา]
ครับ ครับ โดยส่วนใหญ่มันจะเป็นเรื่องในอดีตใช่มั้ยครับที่มันจะเข้ามา
[อาจารย์ Aero.1]
ใช่ ส่วนใหญ่จะเป็นอดีต แต่ ในขณะที่เราไม่รู้ detailเรื่องราวรายละเอียดเลยนะ สิ่งที่ได้กลับคืนมาคือจะรู้ในรู้
[ผู้ร่วมสนทนา]
ครับ
[อาจารย์ Aero.1]
เพราะตรงนั้นเป็นสภาพของสัมปชัญญะ การที่เราฝึกรู้ทั่วกองลมตรงนั้นหนะ สัมปชัญญะจะมีกำลังมากขึ้น สาเหตุของการที่มีสัมปชัญญะมากขึ้นก็เพราะว่าเรารู้ลมสั้น ลมสั้นเนี่ยจับยาก ตรงนั้นหนะเป็นตัวฝึกสัมปชัญญะให้เกิดขึ้นนะ ตัวสัมปชัญญะสามารถรู้ทั่วได้ทั้งกองลม นั่นคือรู้ทางรูปกาย ถูกมั้ยครับ กำลังของสัมปชัญญะไม่เคยเสื่อมไปเลย เกิดการสั่งสมพอกพูนมาตั้งแต่วัตถุ 4, 5, 6, 7 นะ พอถึง 7 เนี่ย ตัวสัมปชัญญะเองเนี่ย แทนที่จะรู้กาย ไม่รู้กายแล้ว เพราะว่ากายสงบระงับไปแล้ว เค้าก็จะรู้แม้กระทั่งจิตเนี่ยด้วยสภาพสัมปชัญญะคือสภาพรู้ทั่วนั่นเอง
คำว่ารู้ตัวทั่วพร้อมเนี่ย สัมปชัญญะมีองค์ 4 นะ มีลักษณะไหลตัวนะครับ การที่จะมารู้จิตตสังขารก็ ใช้อำนาจของสัมปชัญญะนั่นแหละรู้ทั่วเช่นเดียวกัน ก็เปรียบเหมือนกับว่ารู้จิตตสังขารเหมือนโบกี้ที่สามแต่รู้ทั้งขบวน ผมถึงบอกว่าถึงแม้ไม่ได้ลง detailนะ คุณรู้อยู่ที่ปลายจมูกนั่นแหละ แล้วก็รู้สภาพสัณฐานของเค้าหายใจเข้าหายใจออก คุณจะรู้ลึกกว่าที่คุณใส่ใจที่จะรู้อีก นี่คือปัญญา
และสำคัญยิ่งไปกว่านั้นอีก สิ่งที่จะรู้เนี่ยที่จะลงไปใน detail ที่จะรู้ทั่วได้เองเนี่ย และบางทีมาเป็นชุดข้อมูล เราไม่ต้องลงรายละเอียดมาเป็นก้อนข้อมูล จะเป็นก้อนข้อมูลที่สนับสนุนการเดินไปสู่นิโรธคามินีปฏิปทาโดยตรง ถ้าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่มีผลใดๆ สุดมั้ย วิชาพระพุทธเจ้า นี่คือญาณ ตัวรู้ครับ
จากเทปคลิป
EP19 ถ้ำของจิต, การรู้สัณฐานของจิต, นัยยะของ จุดนัดพบ วัตถุที่ 9 คือ ? ส.15 ม.ค.65 เวลา 19.50 น
นาทีที่ 29.26 ถึง นาทีที่ 34.12