สาธุชนควรแยกให้ดีว่า ลำดับการเรียนในพระศาสนาหรือพระปริยัติธรรมนั้นมีลำดับของการยอมรับอยู่ตามลำดับ ดังนี้
สาธุชนควรแยกให้ดีว่า ลำดับการเรียนในพระศาสนาหรือพระปริยัติธรรมนั้นมีลำดับของการยอมรับอยู่ตามลำดับ ดังนี้
ก.-ชั้นพุทธพจน์
1. ธรรมวินัย เป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย. พศ. -35 ถึงพุทธปรินิพพาน
2. พระไตรปิฎก ราว พศ. 300
ข.-ชั้นอรรถกถา
3. อรรถกถา ประมาณ พศ.-30 ถึงยุคต้นๆหลังพุทธปรินิพพาน @สูญหายและ
แปลจากสิงหลเป็นบาลีกลับ ราวพศ.950
ค.-ชั้นคัมภีร์เทียบอรรถกถา
4. เช่น วิมุติมรรคและวิสุทธิมรรค ราว พศ.850-950
ง.ชั้นฎีกา อนุฎีกา
5. คัมภีร์บริวารอื่นๆ
จ.-ชั้นคัมภีร์ รุ่นหลัง
6. เช่น อภิธรรมมัตถสังคหะ พศ.950-1600 เป็นต้น
เวลาเรียนรู้และมีส่วนติดขัดต้องกลับไปเทียบกับ พระธรรมวินัย ตามลำดับพระพุทธพจน์ มหาปเทส 4. ย้อนกลับไปดูข้อ 1.
ในประวัติศาสตร์ภาคปฏิบัติที่องค์ความรู้ไม่สมบูรณ์นั้น ท่านอาจลุถึงโลกุตระได้ก็มี
รวมถึงความรู้ที่คลาดเคลื่อนนำไปสู่กับดักสังสารวัฏก็มี คละกันอยู่ในศาสนา เพราะข้อมูลท่านมีจำกัด
ฉะนั้น ในยุคเรานี้เราไม่ใช่เก่งกว่าใครๆ เราก็อาศัยการลองผิดลองถูกของประวัติศาสตร์นั้นแหละเป็นครู
ผนวกกับเครื่องมือที่ล้ำสมัยกว่า เข้าถึงแหล่งศึกษาคือปิฎกได้ง่ายกว่า
สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมที่สั่งสมมา เร่งศึกษาและเพียรภาวนาให้เป็น อย่างถูกตรง เพื่อรักษาตัวรอดเป็นสำคัญ
เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องรอง ไม่งั้นเราเองจะแบกโลกไว้ และเดินไม่ถึงทางที่เราศึกษามา อย่างตรงทางแล้วก็ตาม
… อันนี้สำคัญมาก สงเคราะห์ประโยชน์ตนจึงสำคัญสุด…..
อาจารย์ Aero.1